Camouflage - Dhamma Talk

Advertise on podcast: Camouflage - Dhamma Talk

Rating
4.7
from
6 reviews
This podcast has
347 episodes
Language
Publisher
Explicit
No
Date created
2016/07/03
Average duration
27 min.
Release period
8 days

Description

เสียงธรรมโดย Camouflage อ่านบทความธรรมะเพิ่มเติมได้ที่ camouflagetalk.com

Podcast episodes

Check latest episodes from Camouflage - Dhamma Talk podcast


347.ทุกข์จากจุดอ้างอิง
2024/02/21
บรรยายเมื่อ 02-10-2566 เราทุกข์ เพราะเรามีมาตรฐาน  อย่างมาตรฐานว่า เราไม่ควรจะทุกข์ นั่นก็คือความปลอดภัย ใช่มั้ย?  เราควรจะเป็นจิตบริสุทธิ์ ก็คือความปลอดภัยของชีวิต ใช่มั้ย?  อันดับแรก คือเราไม่เห็น ความต้องการความปลอดภัยของวิธีคิด ที่จะใช้ชีวิตยังไง  อันดับ 2 คือเราไม่เห็นว่า เราทุกข์จากวิธีการอยู่ในความปลอดภัย เช่น จะอยู่อย่างปลอดภัย ควรจะเป็นอย่างนี้  วิธีคิด ก่อให้เกิดบรรทัดฐาน หลักการ ที่อยู่ แล้วพอเกิดจุดอ้างอิงอันนี้ขึ้น ความทุกข์จะเกิดขึ้นจากจุดอ้างอิงอันนี้ ที่เราสร้างขึ้นมาเอง  คือเราไม่เข้าใจว่า ชีวิตนั้น ทุกข์และสุข อย่างเป็นจริงที่สุด โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับจุดอ้างอิงเป็นยังไง  เข้าใจมั้ย? ต้องคิดตามนะ เราทุกข์จากจุดอ้างอิง ซึ่งทุกข์ทั้งหมดนี้...ไม่จริง  แต่มนุษย์มีทุกข์จริง ๆ อยู่ ที่ไม่เกี่ยวกับจุดอ้างอิง  ถ้าใครไม่เข้าใจ เดินมาตรงนี้ เดี๋ยวจะตบหน้าทีนึง นึกออกมั้ย? เจ็บ ไม่ต้องอ้างอิงกับอะไร ทุกข์ทันที หรือโมโห ก็ทุกข์ทันทีเหมือนกัน คำว่า “เห็นตามเป็นจริง” นั้น หมายความว่า “ชีวิตต้องจริงก่อน” ถึงจะเห็นตามเป็นจริงได้ คือทุกข์จริง ๆ ก่อน ถึงจะเห็นทุกข์ตามความเป็นจริงได้  แต่ที่เรามีจุดอ้างอิงไว้นั้น มันก็ทุกข์ แต่เป็นทุกข์ปลอม  ทุกข์ที่เราสร้างขึ้นเอง จะทุกข์จริง ๆ ไม่เหมือนกัน  เพราะฉะนั้น กว่าเราจะรู้จักทุกข์จริง ๆ เราต้องเห็นทุกข์ปลอมๆ ซึ่งมีอยู่ตลอดชีวิตของเราก่อน ถ้าทุกข์ปลอม ๆ ยังไม่หมด ก็ยังไม่เห็นทุกข์จริง ๆ  แต่การปฏิบัติธรรม คือ เห็นตามความเป็นจริง แล้วเมื่อไหร่จะได้เห็น? ชีวิตมันซับซ้อนมาก ที่ผมเคยบอกว่า หัวใจที่ไม่แบ่งแยก ไม่ใช่จุดสุดท้ายที่เราจะไปถึง แต่คือจ
more
346.ไปสู่สิ่งที่ยังไม่รู้
2024/02/08
บรรยายเมื่อ 30-09-2566 เมื่อเราเริ่มต้นที่จะรู้จักตัวเอง เราจะเริ่มลงลึก ในการลงลึกนั้น เราจะพบว่ามีข้อมูลความรู้ ความคิด บทสรุปบางอย่างที่เราเคยเรียนรู้มา คุณธรรมความดี ทุกสิ่งทุกอย่าง จะเข้ามาคอยแทรกแซง บิดเบือน การลงลึก เพื่อที่จะรู้จักความจริงของชีวิตนี้  อำนาจของการบิดเบือนจากสิ่งต่าง ๆ ที่ผมพูดถึงนั้นมีพลังมหาศาล เพราะตลอดชีวิตของเราตั้งแต่เกิด และความเคยชินของจิตใจที่จะอยู่ภายใต้ความครอบงำนั้น มีพลังอำนาจ มันมีพลังอำนาจมหาศาล เพราะเบื้องหลังของมัน คือ “อวิชชา”  ความดำรงอยู่ของอวิชชา ที่มีมาอย่างยาวนาน คือพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่  และมนุษย์คนหนึ่ง จะต้องมีพลังของวิชชา ไม่น้อยไปกว่าอำนาจของอวิชชา  พลังของวิชชานั้น จะเกิดขึ้นได้ยังไง? พลังของวิชชานั้น เกิดขึ้นจากความสามารถของชีวิต ที่จะรู้จัก และฝ่าวงล้อมของอวิชชา  เป็นกระบวนการของชีวิต ที่ไม่มีบทสรุปล่วงหน้า ไม่มีความเห็นว่า สิ่งที่เป็นอยู่ขณะนี้...จริง ๆ มันควรจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่แบบนี้  ไม่มีเป้าหมาย ของการทะลุทะลวงอวิชชาทั้งหลาย เพื่อจะได้รับอะไร  เป็นการทะลุทะลวงที่ปราศจากมลทินของมิจฉาทิฏฐิ ที่ครอบงำและให้ทิศทางของชีวิตนี้เอาไว้  และนี่คือความสามารถของความมีชีวิต ที่เป็นปัจจุบันอย่างยิ่ง  … ระบบของความคิด ความรู้ บทสรุปของความจริง คือ ความครอบงำอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ  เราไม่เคยเห็นมัน เราพลาดที่จะเห็นมัน เพราะมันดี เพราะมันส่งผลดีต่อชีวิตของเรา  และนี่คือพลังอันยิ่งใหญ่ของอวิชชา  การเห็นมัน เปรียบเสมือนการสูบพลังงานทั้งหมดของอวิชชา เปลี่ยนเป็นวิชชา  เราไม่ได้สร้างพลังงานขึ้นมาใหม่  เราไม่สามารถจะสร้าง
more
345.หยินหยาง
2024/02/03
บรรยายเมื่อ 24-09-2566 ชีวิต ไม่ใช่การปรุง หรือไม่ปรุง ไม่ใช่ทุกข์ หรือไม่ทุกข์ แต่คือ การเห็นปัจจัย เงื่อนไขทั้งหมดในชีวิต ที่ก่อให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ขึ้น นั่นก็หมายความว่า อารมณ์ ความรู้สึกนั้น ๆ ก็ไม่ถูกจริงจัง ไม่ว่าจะบริสุทธิ์ ไม่ปรุง หรือไม่บริสุทธิ์ ปรุง 2 อันนี้เท่ากัน เพราะไม่มีใครให้คุณค่า ว่าอะไรดีกว่าอะไร เพราะถ้ามันมีคุณค่า ว่าอะไรดีกว่าอะไร จะมีใครซักคน เป็นคนตัดสิน และคนตัดสินจะเป็นเจ้าของสิ่งที่ดีกว่า และจะมีปัญหากับสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม ... ชีวิต คือของทั้งสองข้าง ที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เหมือนหยินหยาง ปัญญา คือ ความแจ่มแจ้งในความเข้าใจของทั้งหมดของชีวิตนี้ ที่มีของทั้งสองด้าน และมันอยู่ด้วยกันเสมอ เหมือน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นทุกข์ แต่เวลาเราไปเที่ยวภูเขา แม่น้ำ ทะเลหมอก แม้กระทั่งช้อปปิ้ง เราอาศัยตา ตาให้ความเบิกบานและความสุขต่อชีวิตนี้  แต่ตัวตามันเอง เป็นทุกข์ เพราะมันเป็นของที่เสื่อม และเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น โดยตัวมันเอง คือหยินหยาง คือสุขและทุกข์ ปัญญา คือ ความเข้าใจว่า ทั้งหมดของชีวิตนี้เป็นทุกข์ โลกนี้ ผัสสะ อารมณ์ ความรู้สึกต่าง ๆ ธาตุขันธ์ทั้งหมด ด้วยตัวมันเองเป็นทุกข์ แต่ความสามารถของมัน ในการรับผัสสะทั้งหมด มันรับได้ทั้งทุกข์และสุข  เพราะฉะนั้น ทั้งหมดของเหรียญทั้งสองด้าน อยู่ที่ตัวของมัน มันมีทุกอย่าง  แต่ความเห็นผิด เราอยากจะให้คุณค่ามันแค่ด้านเดียว เราไม่ยอมรับความมีอยู่ของมัน ที่เป็นของทั้งสองข้าง  ถ้าเข้าใจที่ผมพูดทั้งหมด เราจะเข้าใจว่า ด้วยตัวชีวิตทั้งหมดนี้ ไม่สามารถแบ่งแยกได้ ไม่สามารถจะเลือกข้างได้  ความสามารถในการที่มันเป็นได้ทั้งสองข้าง มั
more
344.ตรัสรู้อริยสัจ 4
2024/01/25
บรรยายเมื่อ 16-09-2566   นักปฏิบัติธรรมเรามุ่งความสนใจไปที่นิโรธ  คล้าย ๆ ว่า “นิโรธ” คือ เป้าหมายสำคัญของชีวิตที่เราต้องการ คือ ความดับทุกข์  นี่คือหัวใจของอวิชชาสูงสุด เราให้ความสำคัญ ให้ความสนใจ ว่าเราคนหนึ่งในฐานะมิจฉาทิฏฐิ จะไปถึงซึ่งความดับทุกข์  หมายความว่า หลังจากแจ่มแจ้งอริยสัจ 4 แล้ว ชีวิตทั้งชีวิตที่เหลือจากนั้น คงเหลือแค่นิโรธ ถ้าเราคิดว่า เราเป็นพระอรหันต์แล้ว  เข้าใจที่ผมบอกมั้ยว่า มนุษย์เราคิดว่า ชีวิตนี้เป็นตัวเป็นตน เป็นเรา เป็นของเรา จึงเกิดวิธีคิดแบบที่ผมพูดเมื่อกี้นี้ทั้งหมด  แล้วมันดูน่าเชื่อถือ มันดูน่ามีความหวัง มันดูเป็นอะไรที่เรามนุษย์คนหนึ่งสมควรจะได้รับในการเกิดมา และลงทุนปฏิบัติธรรม  แล้วความหมายของการที่ท่านบอกว่า ท่านตรัสรู้อริยสัจ 4 คืออะไร? หมายความว่า แต่ละขณะของชีวิตนั้น เป็นการแจ่มแจ้งในทุกข์นี้ แล้วมันจะยังผลให้เกิดการละสมุทัย แจ้งนิโรธ เจริญมรรค  และด้วยสัมมาทิฏฐิข้อแรกที่ท่านสอนเอาไว้ คือ โลกนี้ว่างจากความเป็นสัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา  จึงไม่มีใครเข้าไปแทรกแซง หรือเป็นเจ้าของ กระบวนการของอริยสัจ 4 หรือเป็นเจ้าของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการของอริยสัจ 4 เช่น นิโรธ  เป็นเพียงการตรัสรู้ว่า การเกิดมาในความเป็นมนุษย์นั้น อยู่ในโลกแห่งความขัดแย้งสูงสุดและความแบ่งแยกสูงสุด และนั่นนำไปสู่ความทุกข์ของมนุษย์โลกทั้งมวล  และทางออกจากชีวิตที่เป็นความทุกข์อันมหาศาลของหมู่มวลมนุษย์นั้น คือ การที่คนคนหนึ่ง รู้จักว่าชีวิตที่แท้จริงนั้นเป็นอริยสัจ 4 แบบนี้ แค่นั้น ทางออกของชีวิตที่จะอยู่ในโลกนี้ได้ ไม่ใช่ทางออกของ “เรา”  ท่านค้นพบว่า การดำเนินชีวิตที่ถู
more
343.ฝ่ากระแสมิจฉาทิฏฐิ
2024/01/19
บรรยายเมื่อ 02-09-2566   ผมเคยบอกว่า คนคนนึงจะออกจากโลกได้ จะต้องฝ่ามิจฉาทิฏฐิทั้งหมดของโลกนี้  ความคิดของเราต่อความสัมพันธ์ทั้งหมด ต่อสมมติทั้งหมด ที่เราเป็นจริงเป็นจัง ความคิดเหล่านั้นทั้งหมดเป็นตัวแทนของมิจฉาทิฏฐิของมนุษย์ทั้งโลกนี้  การที่เราจะต้องฝ่าความเห็นผิดนั้นไป หมายถึงว่า เราจะต้องฝ่าพลังงานทั้งหมดที่มนุษย์คิดเหมือนกัน  และถ้าเราฝ่าไปได้นิดนึง แล้วเราก็รู้สึกว่ายากนะ เอาไว้ก่อนแล้วกัน อยู่ตรงนี้ เราก็โอเคหนิ เราก็จะกลับมาที่เดิม  เราต้องฝ่าเข้าไป ในการฝ่านั้นมีความเจ็บปวดเสมอ ถ้าเราไม่ยอมเจ็บปวด ชีวิตเราก็สบาย และเมื่อชีวิตสบาย มันก็อยู่แค่นี้ อยู่ที่เดิมไปเรื่อย ๆ  แต่การฝ่าทะลุพลังงานทั้งหมดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่ออกมาในรูปของความคิด ความรู้สึก อารมณ์ มันเจ็บปวด และมันจะดันเรากลับ  ในขณะของการฝ่านั้น สิ่งที่ต้องมีสูงสุด คือ ปัญญา และความอึด ถึก  เหมือนจรวดที่จะต้องมีเชื้อเพลิงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีการขาดตอน ไม่มีการที่จะให้ดันกลับ  แต่พอคนเรามันไม่มีพลังงานของปัญญา ไม่มีพลังงานของความอึด ถึกแบบนั้น พอดันเข้าไป ๆ แล้วมันก็ถูกดันกลับ  และพอเป็นแบบนี้หลาย ๆ ครั้ง เราก็เลิก  เราไม่อยากเจ็บปวดแบบนั้นแล้ว ไปไม่ไหว เจ็บปวดหัวใจเกินไป รับไม่ได้ ทรมานใจมากเกินไป และนั่นคือวิธีของมิจฉาทิฏฐิที่จะทำให้คนไม่ยอมฉลาด  ตอนที่เรากำลังจะทะลุขึ้นไป จากชั้นพลังงานมิจฉาทิฏฐิทั้งหมด สิ่งที่เราทำได้อย่างเดียว คือ ถ้าเราไปต่อไม่ได้ เราจะต้องไม่ถอย  ถ้าชีวิตเรามีความทุกข์และความบีบคั้นน้อย เราต้องมีปัญญามากที่สุด ในการฝ่าวงล้อมนี้ออกไป  ... เราจะต้องเผชิญความสัมพันธ์อันหลากหลาย ไม่ว่าคว
more
342.อกาลิโก
2024/01/11
บรรยายเมื่อ 02-09-2566   การเกิดมาของชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง มันหมายความว่าอะไร? เราคิดแต่ในทำนองที่ว่า เราเกิดมา ทุกข์เหลือเกิน และใครที่จะช่วยเรา ให้พ้นทุกข์นี้ได้  เราเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่า วิธีคิดทั้งหมดนี้ คือ ระยะทาง และกาลเวลา และเป็นมิจฉาทิฏฐิ  นี่คือวิธีคิดเบื้องแรกของมนุษย์เราทุกคน  แต่มันไม่ใช่แค่เราคิดคนเดียว คนอื่นก็คิดเหมือนกัน  และมีคนหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะพ้นทุกข์ ตั้งแต่การสร้างความบันเทิงในโลก จนมาถึงสร้างวิธีปฏิบัติธรรม นำเสนอให้กับบุคคลที่คิดเหมือน ๆ กัน  โดยที่ไม่มีใครเห็นเลยว่า โครงสร้างทั้งหมดของการคิดแบบนี้ อยู่ภายใต้ระยะทาง และกาลเวลา  ไม่ว่าผู้แนะนำ ผู้สอน จะพาคนคนนั้นไปถึงไหนก็ตาม ถึงที่ที่ทุกคนต้องการ หรือไม่ว่าจะมีคุณสมบัติอะไรก็ตาม ที่เรียกว่า “พ้นทุกข์” มันก็ยังเป็นมิจฉาทิฐิเหมือนเดิม แต่เรานิยมกัน ที่จะถามว่า เดี๋ยวนี้เรายังเป็นอย่างนั้นอยู่มั้ย เดี๋ยวนี้เรายังมีนั่นอยู่มั้ย เดี๋ยวนี้เรายังกระเทือนมั้ย เดี๋ยวนี้ตัวตนเราหมดไปหรือยัง? เราสนใจแค่ผลลัพธ์ซักอย่างหนึ่ง ที่กำลังบอกเราว่า ตัวเราเอง หรืออาจารย์ของเรา ไปถึงไหนแล้ว จบหรือยัง?  เราสนใจแต่เรื่องของผลลัพธ์แบบนั้น โดยที่เราไม่เคยเห็นโครงสร้างของวิธีคิดของคนเหล่านั้น ว่ามันยังอยู่ภายใต้มิจฉาทิฏฐิเหมือนเดิม  อย่าลืมที่ผมบอกว่า ธรรมะเป็นอกาลิโก มันไม่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา  มันไม่ใช่การประเมิน ตัดสิน โดยใช้ผลลัพธ์เป็นตัวตั้ง เป็นตัวหลัก  เพราะนั่นคือ วิธีคิดของโครงสร้างของกาลเวลา และอัตตาที่เป็นผู้ได้รับผลลัพธ์เหล่านั้น  การเปลี่ยนผ่านที่แท้จริง ไม่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา  ขณะของชีวิตที่ไปพ้นจากกา
more
341.ปิดประตูนั้นซะ...”วิถี” หรือ ”วิธี”
2024/01/04
บรรยายเมื่อ 17-07-2564   เราอยู่ในยุคของโลกาภิวัตน์ เราในยุคของที่ทุกอย่างจะต้องลัด สั้น ตัดตรง เราอยู่ในยุคของที่ว่า วิธีการอะไรที่จะทำให้เราไปถึงจุดหมายได้เร็วที่สุด  เราพลาดอย่างหนักที่เราเข้าใจว่า ชีวิตนี้มันเป็นอะไรที่เร่งได้  เราไม่เข้าใจว่า ธรรมมะนั้นเป็นธรรมชาติ ธรรมะเป็นเรื่องของชีวิตจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องของระบบอุตสาหกรรมเหมือนยุคโลกาภิวัตน์ ไอเดียของเราถูกหล่อหลอมมาในโครงสร้างของการที่ เราจะต้องเร็วที่สุด ดีที่สุด Effective ที่สุด  เราเติบโตมาในยุคแบบนั้น แล้วเราก็ใช้โครงสร้างนี้กับการปฏิบัติธรรมด้วย แล้วพอดีว่าในยุคนี้ เป็นยุคที่สำนักส่วนใหญ่นำเสนอแบบนั้นให้เรา มันเหมือน supply กับ demand มาพร้อมกันพอดี วิถีชีวิตจริง ๆ ที่เรียกว่า “วิถีธรรม” มันหายไป  “วิถี” กับ “วิธี” มันไม่เหมือนกัน  “วิถี” มันใช้เวลา ใช้กระบวนการขัดเกลาตามธรรมชาติอย่างแท้จริง  ส่วน “วิธี” มันเป็นระบบอุตสาหกรรม มันเหมือนเราเป็นของชิ้นนึง เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่ง เราปฏิบัติธรรมเหมือนชีวิตของเราเป็นสิ่งของอันหนึ่ง นี่ผมเปรียบเทียบนะ  มันเป็นความประจวบเหมาะมาก ที่ “วิถีธรรม” นั้นหายไป เพราะครูบาอาจารย์เก่า ๆ หายไปหมดแล้ว ตายไปหมดแล้ว  มันกลายเป็น “วิธีทำ” แทน แล้วเราซื้อ เราเอา เพราะมันตรงกับกระบวนการหล่อหลอมเราขึ้นมา เราโตขึ้นมาในยุคนี้พอดี และสังคมเชิดชูกับกระบวนการแบบนี้ กระบวนการที่เร็ว ตรง ได้ผลชัดเจน วัดผลได้ เราเติบโตขึ้นมากับความครอบงำแบบนั้น  และเสียงที่เป็นวิถีธรรม หรือเสียงของวิถีการใช้ชีวิต มันหายไป เสียงของการที่เราต้องใช้ทั้งชีวิต ใช้ธรรมชาติขัดเกลาชีวิตนี้ เรียนรู้ชีวิตนี้ หายไป  ไม่มีใครพร้อมจะ
more
340.เห็น DNA ของกระบวนการ
2023/12/29
บรรยายเมื่อ 19-08-2566   เวลาเราทำอะไร เราต้องแจ่มแจ้งว่า เรากำลังทำอย่างนี้ทำไม? เราต้องแจ่มแจ้งว่า การกระทำอย่างนี้ มันมีนัยยะอะไร? เช่น เรากำลังไถมือถืออยู่ หรือกำลังหาอะไรดูอยู่ นั่นคือ เราต้องรู้ว่า นัยยะของมันคือ เราต้องการหนีจากตัวเอง แต่เราไม่เคยรู้  เราเป็นนักปฏิบัติธรรม ที่ถูกสอนมาว่า รู้สึกอยู่ ไม่เข้าไปในเรื่องราว มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรเกิดขึ้น ก็รู้อยู่ แต่เราไม่รู้โครงสร้างใหญ่ที่สุด คือ #เรากำลังหนีตัวเอง ชีวิตของเรานี้เป็นธรรมะอยู่แล้ว แต่เราเห็นความจริงจากมันมั้ย? ที่ผมบอกว่า กระบวนการสำคัญกว่าผลลัพธ์ คือเราเห็นนัยยะของกระบวนการทั้งหมดนี้มั้ยว่า ความจริงของมันคืออะไร  เหมือนเราถอด DNA หรือวิญญาณของกระบวนการนั้นทั้งหมด ว่ามันคืออะไร ไม่ได้เห็นด้วยตา หรือด้วยความคิด แต่เห็นด้วยชีวิตนั้นเอง  ... ที่เรากลัวว่า เราจะจมทุกข์ เราต้องรู้ว่า #ความจมทุกข์ เกิดขึ้นได้ยังไง  ความจมทุกข์ สามารถยั่งยืนอยู่ได้ เพราะหัวใจต้องการจะไม่จมทุกข์ มันคือของสิ่งเดียวกัน แต่ถ้าเราเห็นโครงสร้างของความคิด โครงสร้างของหัวใจที่เป็นความหลงผิด มันจะเป็นการออกจากทุกข์โดยอัติโนมัติ แม้ว่ากลิ่นอายของความหดหู่หรือความทุกข์นั้น ยังอยู่ก็ตาม แต่มันจะ…แค่นั้น มันแค่ยังอยู่เฉย ๆ  มันจึงเป็นการอยู่กับอารมณ์อย่างเป็นหนึ่งเดียว โดยที่เป็นความนิ่งอยู่  แม้ว่าจะทุกข์เหมือนจมทุกข์ แต่ว่ามันนิ่ง มันไม่ฟูมฟาย ไม่ตีโพยตีพาย ไม่หนี ไม่สู้ มันแค่เป็นอย่างนั้นเฉย ๆ #Camouflage19-08-2566
more
339.น้ำพุแห่งปัญญา
2023/12/24
บรรยายเมื่อ 19-08-2566   การปฏิบัติธรรมจะเกิดขึ้น เมื่อหัวใจนั้น มีอิสรภาพอย่างยิ่งจากความรู้ทั้งหมดที่เราเคยเรียนรู้มา  และกระบวนการของชีวิต Process นี้ คือจุดเริ่มต้น และคือจุดสุดท้าย ผลลัพธ์ที่เราถวิลหาในการปฏิบัติธรรม ไม่มีความสำคัญเลย  ความสำคัญอยู่ที่กระบวนการที่ผมพูดนี้ทั้งหมด ไม่ใช่ผลลัพธ์  เราต้องตระหนักชัดว่า การปฏิบัติธรรมทั้งหมด ที่เราเคยทำมา เป็นแค่การเวียนว่ายอยู่ในทะเลแห่งความหลง และการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงจะเกิดขึ้น เมื่อเราพ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวง  ความรู้ ความคิด วิธีการปฏิบัติทั้งหมด คือ ความปรุงแต่งของเราเอง #Camouflage19-08-2566
more
338.ความเชื่อ
2023/12/15
บรรยายเมื่อ 11-07-2564   การปฏิบัติธรรม คือ กระบวนการที่เราจะเข้าใจชีวิตนี้ อย่างแท้จริง เราไม่รู้จักว่า ความขับดันที่แท้จริง ในความอยากจะคิด คืออะไร  เราได้แต่คิดว่า มันไปคิด ก็รู้ทัน และครูบาอาจารย์ท่านก็สอนว่า อย่าเข้าไปในความคิด  มันเหมือนเราทำตาม Protocol หรือวิธีการเฉย ๆ แต่เราไม่รู้ว่า ทำไมเราต้องทำแบบนี้? ทำไมเราไว้ใจว่า วิธีนี้ถูก?ทำไมเราไว้ใจว่า นี่คือสิ่งที่ต้องทำ?ทำไมความคิดถึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเข้าไป? ผู้ฟัง : เพราะมันไม่ใช่ปัจจุบัน มันปรุงแต่ง? อาจารย์ : ปัจจุบัน นี่คือ ทฤษฎีใช่มั้ย? เราเชื่อทฤษฎีใช่มั้ย? เราไม่เคยรู้ว่าทำไมต้องเป็นปัจจุบันใช่มั้ย? ผู้ฟัง : ใช่เพราะเป็นทฤษฎี และเป็นเพราะอาจารย์บอก อาจารย์ : เข้าใจรึยังว่า เราเป็นแค่นักเรียนดีเด่นเฉย ๆ เราทำตามที่อาจารย์บอก แต่เราไม่รู้ว่าทำไม ถ้าเราไม่เข้าใจว่า กระบวนทั้งหมด มันเกิดขึ้นจนเป็นคำสอนได้ยังไง นั่นเท่ากับว่าเราไม่เข้าใจ เราได้แต่ทำตามทฤษฎี โดยมีเหตุผลอันเดียวที่เราทำ คือ “เราเชื่อ” เราจะต้องตระหนักลึกซึ้งถึงสิ่งที่เราทำอยู่ว่า มันเป็นยังไง ทำไมเราถึงไม่ต้องเข้าไปในความคิด พอรู้แล้วว่า ทำไมเราไม่ควรเข้าไปในความคิด แล้วทำไมมันยังคิด? ทำไมเราถึงยังอยากจะคิดกับมัน?ทำไมถึงมีความอยากหรือความขับดันอันนั้นอยู่?เราต้องตอบตัวเองได้ ไม่ใช่แค่เราปฏิบัติตาม  การปฏิบัติธรรมนั้น มันไม่ใช่แค่ เรามาเอาวิธีไปทำ แล้วก็เชื่อในวิธีนั้นเราต้องสำรวจชีวิตนี้ ด้วยตัวเราเอง ว่าความคิดทำให้เกิดอะไรขึ้น?การเข้าไปในความคิดเป็นยังไง?ทำไมเราต้องอยู่กับปัจจุบัน?ทำไมความคิดไม่ใช่ความจริง? เวลาเราคิดว่า เราจะซื้อของจากช้อปปี้ แล้วเราได้ขอ
more
337.สัญญาณจากพระพุทธเจ้า
2023/12/11
บรรยายเมื่อ 05-08-2566   สัญญาณแรกที่พระพุทธเจ้าได้พูดกับตัวเองคือ ธรรมะนั้นอยู่นอกเหนือคำพูด อยู่เหนือการอธิบายใด ๆ จึงยากที่จะหยิบนำมาสอนได้  นัยยะคือ ท่านใช้ชีวิตทั้งชีวิตของท่าน ค้นพบธรรมะ  ในขณะที่เราใช้ชีวิตทั้งชีวิตของเรา ทำตามความเชื่อ และความคิด  เราหนีไม่พ้นกับการหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง ที่จะพ้นทุกข์ และความหมกมุ่นนั้นเอง คือความปรุงแต่ง คือความคิด และเราใช้ความคิด หาวิธีการที่จะทำตาม และนั่นก็คือความคิดเหมือนเดิม  และทั้งหมดของชีวิตเรา ไปไหนไม่ได้ นอกจากแค่อยู่ภายใต้ความคิด ... ชีวิตของคนเรานั้น รับข้อมูลข่าวสาร รวมกระทั่งถึงวิธีปฏิบัติธรรม  สิ่งที่เราทำมาตลอดชีวิตของเราคือ เลือก ทำตาม และไม่ทำอีกอย่างหนึ่ง  เพราะข้อมูลข่าวสารหรือแม้กระทั่งวิธีปฏิบัติธรรมทั้งหมดนั้น เป็นข้อมูลข่าวสารแห่งความแบ่งแยก  และเราใช้ชีวิตนั้น เราใช้ชีวิตที่จะเลือกข้าง ทำตามสักอย่าง ปฏิเสธสักอย่าง ชื่นชมสักอย่าง ประณามสักอย่าง  เราหลงกลอยู่ภายใต้โครงสร้างของความแบ่งแยกตั้งแต่โลก ยันมาถึงการปฏิบัติธรรม  ชีวิตที่เป็นการปฏิบัติธรรมคืออะไร? คือ ความสามารถในการเห็นอิทธิพลของข้อมูลข่าวสารหรือวิธีการปฏิบัติธรรมทั้งหมด ว่ากำลังส่งผลให้ชีวิตเกิดทิศทางหรือไอเดียอะไรบ้าง ที่กำลังจะบีบคั้นชีวิตนี้ต่อไป เพื่อจะไปถึงที่สักที่หนึ่ง ที่ความคิดเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง หรือแม้กระทั่งนิพพาน ชีวิตที่เป็นการปฏิบัติธรรมนั้นคือ ชีวิตที่มีความสามารถในการเห็น มีความสามารถในการแจ่มแจ้ง ไม่ใช่มีความสามารถจะไปถึงที่ที่หนึ่ง ที่ความคิด ฟัง อ่านหรือวิเคราะห์แล้ว ว่าถูกต้องดีงาม แล้วจะไปถึงที่น
more
336.องคาพยพแห่งความลวง
2023/12/03
บรรยายเมื่อ 22-07-2566   ความตระหนักชัดในความเป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งหมดของชีวิตนี้ นั่นคือขณะของการเห็นแจ้ง  ขณะของการเห็นแจ้ง หรือที่เราเรียกว่า Enlighten ไม่ได้เกิดขึ้นจากการพิจารณาหาเหตุผล คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และได้ผลลัพธ์มาอันนึง ว่าตรงกับที่อาจารย์บอก  ความรู้สึกของการเห็นแจ้ง เป็นความรู้สึกที่มนุษย์คนหนึ่ง รู้ได้เฉพาะตัวเอง  เป็นขณะของความแจ่มแจ้งโดยฉับพลัน  และไม่ต้องการเหตุผลทางความคิดใด ๆ มารับรองความรู้สึกของความแจ่มแจ้งนี้  และมันไม่ได้ให้ความรู้สึกกับคนคนนึงว่า เราได้กลายเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว  เป็นแค่ความรู้สึกตรงตัว คือ แจ่มแจ้ง Enlighten เพราะฉะนั้น การมาฟังผมจึงไม่ใช่การรับวิธีปฏิบัติไปทำ เพื่อเราจะได้อะไร ตามที่เราคิดและคาดหวังเอาไว้  เราแค่จะได้ซึมซับจิตวิญญาณของความใส่ใจต่อชีวิตนี้ ของความแจ่มแจ้งต่อความมีอยู่ เป็นอยู่ของชีวิตนี้ จากคำสอนต่าง ๆ ของผม แค่นั้น  คำสอนต่าง ๆ ของผมนั้น ไม่ใช่วิธีที่จะนำไปปฏิบัติ ผมแค่ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นจากความหลงผิดทุกอย่าง ทุกแง่ทุกมุมที่ผมจะอธิบายออกมาได้  และความใส่ใจต่อทุกกิริยาของชีวิต ทุกวิธีคิดและการกระทำ คือประตู สู่ความรู้แจ้ง คือการปลุกชีวิตนี้ ให้ตื่นขึ้นมา  และเราต้องเป็นคนปลุกมันขึ้นมาด้วยตัวเราเอง  ผมเป็นแค่คนชี้ช่อง ชี้ทาง  ส่วนการที่คนฟังจะตื่นขึ้นมานั้น เราจะต้องใส่ใจต่อช่องและทาง ที่ผมชี้ลงไปนั้น ว่ามันคืออะไร  #Camouflage22-07-2566
more

Podcast reviews

Read Camouflage - Dhamma Talk podcast reviews


4.7 out of 5
6 reviews

Podcast sponsorship advertising

Start advertising on Camouflage - Dhamma Talk & sponsor relevant audience podcasts


What do you want to promote?

Ad Format

Campaign Budget

Business Details